การให้อภัย เป็น ธรรมชั้นสูง น่ายกย่อง
การให้อภัย เป็น งานชั้นเยี่ยมของชีวิต
การให้อภัย คือ การทำบุญให้ตนเอง
ผู้ให้อภัย เป็นผู้ชนะ และเป็นสุข .....
อันแผลกายง่ายนักเมื่อรักษา
หมั่นทายาเช้าเย็น ก็เห็นผล
แต่แผลใจเจ็บหนักยากทานทน
ขาดสติก็เสียคน ไปจนตาย ...... กวี นิรนาม
( บางคนเหมือนตายทั้งเป็น )
หลายๆครั้งเกิดการทะเลาะกัน บาดหมางกัน
หรือการทำร้ายกัน ทั้งทางกายและทางใจ
ทำให้ผู้ถูกกระทำ ไม่พอใจ โกรธ แค้น
จนถึง อาฆาตพยาบาท นึกอยากแก้แค้นตลอดเวลา
แม้เวลาผ่านไป หลายเดือน หลายปี ความแค้นก็ยังอยู่
เมื่อนึกคิดมาทีใด ก็เกิดความเจ็บปวดขึ้นทันที
เหมือนโดน หนามใจ หนามชีวิต ทิ่มแทงจนเจ็บปวด
ยิ่งฝ่ายตรงข้ามยังลอยนวล เสวยสุข คนนึกก็ปวดร้าวทวีคูณ ....
ชีวิตที่เหลือ มีแต่ความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ทุกคืนวัน .....
เขาจึงเป็นผู้น่าสงสาร ผู้แพ้ตลอดกาล ..... โอ้ ความแค้น
หากวันนี้ มีชีวิต
เกลาดวงจิต คิดฝึกฝน
โลภโกรธหลง เฝ้าเวียนวน
ไม่อาจพ้นบ่วงโลกีย์
แล้วเมื่อไร จึงจะหายเจ็บปวด เป็นเพราะเรารักตัวเองมากไป
จิตใจคับแค้น ขาดสติ เพราะความแค้นบดบังไว้
เป็นเพราะเพ่งมองแต่ความไม่ดี ความเลวของผู้อื่นมากไป
บางคนทำผิดโดยไม่ตั้งใจ โดยไม่รู้ โดยขาดสติ
หรือโดยโง่เขลา บางคนได้รับกรรมไปแล้ว บางคน
ได้สำนึกผิด บางคนตั้งใจขอขมาโทษ ......
จุดเปลี่ยนของชีวิต จึงอยู่ที่การตัดสินใจ อย่างห้าวหาญ .....
หากเมื่อไหร่ ได้สติ ดำริชอบ
รู้จักปลอบ กายใจตน เหมือนสนนั้น
อยู่บนโลก รู้แจ้งโลก โศกหายพลัน
รู้โลกทัน ปัญญาตน พ้นทุกข์เอย ....
โลกจะมีชีวาถ้าเรายิ้ม
แม้เพียงพริ้มมุมปากฝากให้เห็น
เงาอันตรายความแค้น ยากลำเค็ญ
อย่าเก็บเป็นความขุ่นข้องให้หมองใจ .... ตลอดกาล
การยกโทษ การให้อภัย การให้อโหสิ การแผ่เมตตา
การทำใจ การปลงต่อชีวิต เกิดขึ้นเมื่อไร .....
ความสุข ความสบาย ความอิสระ ความโล่ง ก็จะเกิดทันที
หนามใจ หนามชีวิต ก็หายไป ......
ตัวเรามีความสุข คนรอบๆข้างก็มีความสุข ที่ทำงานก็สงบ
ที่บ้านก็มีกลิ่นใอของความสงบสุขเกิดขึ้น .....
ช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต จึงเป็นเวลาของความสุข
เวลาของการทำดี สร้างบุญกุศลต่อไป .... เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
: จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่โศก จิตเกษม
สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจไม่ใช่หรือ
ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์ไม่สุขใส
ถ้าไม่ถือก็ไม่ทุกข์พบสุขใจ
ใครอยากได้สุขหรือทุกข์ฉุกคิดกัน ....
..ขอขอบคุณ ดวงตาเห็นธรรม.. |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น